หลักการใช้ Past Tense
การเปลี่ยนรูปคำกริยาเป็น past tense มี 2 วิธี คือ
1. การเติม ed ที่ท้ายคำกริยาช่องที่ 1 (Regular Verb)
2. คำกริยาที่เปลี่ยนรูปใหม่ ( Irregular Verb)
หลักการเติม ed ที่ท้ายคำกริยา มี 5 ข้อ ดังนี้
1.คำกริยาโดยทั่วไปเมื่อเปลี่ยนเป็นคำกริยาช่องที่ 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น
- clean – cleaned
- help – helped
- watch – watched
2.คำกริยาที่ลงท้ายด้วยeอยู่แล้ว ให้เติม d ได้ทันทีเช่น
- like – liked
- bake – baked
- live – lived
3.คำกริยาที่เป็นคำพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และพยัญชนะตัวสะกดตัวเดียว ให้เติมตัวสะกดตัวท้ายเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วจึงเติมedเช่น
- stop – stopped
- fit – fitted
- plan – planned
4.คำกริยาที่มี 2 พยางค์
- ออกเสียงเน้นหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้นมีสระตัวเดียวลงท้ายด้วยตัวสะกดตัวเดียว ให้เติมตัวสะกดตัวท้ายเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วจึงเติม ed เช่น
- prefer – preferred
- control – controlled
- ออกเสียงเน้นหนักพยางค์แรก ให้เติม ed ได้ทันที เช่น
- open – opened
- cover – covered
5.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y
- หน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น iก่อนแล้วจึงเติมed เช่น
- study – studied
- cry – cried
- carry – carried
- หน้า y เป็นสระ ให้เติม ed ได้ทันที เช่น
- play – played
- stay – stayed
หลักการอ่านออกเสียง ed ที่ท้ายคำกริยา มี 3 ข้อ ดังนี้
1. ออกเสียง t (ทึ) ก็ต่อเมื่อ ed ตามหลังพยัญชนะเสียงไม่ก้อง (Voiceless Sound)
ได้แก่ c, ch, f, gh, k, p, s, sh, th (θ), x เช่น
- panicked – แพ๊นิคทึ
- watched – ว็อทชึทึ
- staffed – สต๊าฟทึ
- laughed – ลาฟทึ
- walked – วอคทึ
- dropped – ดร็อพทึ
- kissed – คิสทึ
- washed – ว็อชทึ
- bathed – บาธทึ
2.ออกเสียง d (ดึ) ก็ต่อเมื่อ ed ตามหลังพยัญชนะเสียงก้อง (Voiced Sound) ได้แก่ b, g, l, m, n, ng, r, th (ð), v, w, y z
- grabbed – แกรบดึ
- jogged – จอกดึ
- called – คอลดึ
- aimed – เอมดึ
- gained – เกนดึ
- banged – แบ็งดึ
- cleared – เคลียด
- bathed – เบธดึ
- loved – ลัฝดึ
- fried – ฟรายดึ
- whizzed – วิสดึ
3.ออกเสียง id (อิด) ก็ต่อเมื่อ ed ตามหลังพยัญชนะ t ให้ออกเสียง “ ทิด ” และ ed ที่ตามหลังพยัญชนะ d ให้ออกเสียง “ ดิด ”
- wanted – ว็อนทิด
- needed – นีดดิด